พนันแข่งม้า-วงเงินการพนัน
การพนันแข่งม้า ที่มีวงเงินการพนันแข่งม้าหมุนเวียนสูงสุด

พนันแข่งม้า เป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมในอาณาจักรไบเซนไทน์ และกรีกโบราณ ในอดีต ช่วงสมัยจักรวรรดิโรมันการแข่งม้าเป็นกีฬาของกษัตริย์ และขุนนาง ที่ชื่นชอบกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้การแข่งม้าจะเป็นเป็นกีฬา ที่ทำให้ทั้งคนและม้า เกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตามการพนันแข่งม้า ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายต่อหลายรุ่น ในปัจจุบัน ม้าแข่งได้มีการพัฒนา จนมีหลากหลายสายพันธุ์ และเริ่มเข้าสู่วงการการพนันแข่งม้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

วงเงินของการพนันแข่งม้า ที่ถูกกฎหมายทั่วโลก ทั้งที่มีแนวโน้มการชะลอตัวลง แต่กลับมีมูลค่ารวมทั้งถึง 95,188  ล้านยูโร ซึ่งวงเงินของการพนันแข่งม้า ที่มีการหมุนเวียนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น ถึง 19,808 ล้านยูโร และตามด้วยประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา ถ้าหากแบ่งสัดส่วนของวงเงิน การพนันแข่งม้าที่ถูกกฎหมายตามภูมิภาคทั่วโลก จะพบว่า ตลาดของภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นตลาดการพนันแข่งม้า ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนถึง 58 เปอร์เซ็นต์ ของการพนันแข่งม้าทั่วโลก ตามด้วยยุโรปที่มีสัดส่วน 31 เปอร์เซ็นต์ และอเมริกา 11 เปอร์เซ็นต์

พนันแข่งม้า ในประเทศไทย

การพนันในประเทศไทย ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่สำหรับสนามแข่งม้า ทางรัฐบาลไทยได้มีการอนุญาตให้เล่นได้ แต่ต้องถูกควบคุมการเล่นทั้งทางกฎหมาย และจารีตประเพณี การแข่งม้าในประเทศไทย ถูกจัดตั้งมาจากราชกรีฑาสโมสรและราชตฤณมัยสมาคมฯ ที่เป็นสถาบันชนชั้นสูง โดยการพนันแข่งม้าของประเทศไทย จะถูกแบ่งออกเป็น สามช่วง คือ

  • ช่วงที่หนึ่ง : เป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ถูกปกครองด้วยแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งราชกรีฑาสโมสร หรือสนามฝรั่ง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ถูกจัดตั้งให้แก่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะเท่านั้น 
  • ช่วงที่สอง : เป็นช่วงที่การเมืองของประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ในช่วงรัชกาลที่ 6 ที่ทรงมีพระบรมราชานุญาต ให้จัดตั้งสนามม้านางเลิ้งขึ้น เพื่อสำหรับคนไทยที่ต้องการพนันแข่งม้า และเป็นช่วงที่ประชาธิปไตย ขยายตัวไปตามหัวเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา อุดรธานี  ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เป็นต้น
  • ช่วงที่สาม : เป็นช่วงที่วงการธุรกิจการพนันแข่งม้า เกิดการปรับตัว เพื่อความอยู่รอดของสนามแข่งม้า ทำให้สนามแข่งม้าหลายแห่ง ที่ถูกควบคุมโดยรัฐ ได้เกิดการเปลี่ยนมือ และถูกถ่ายโอนไปยังภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการในรูปแบบบใหม่ หรือกลายเป็นเจ้าของสนามไปเลย โดย
    • สนามแข่งม้านครราชสีมา จะถูกบริหารจัดการ โดยกลุ่มนายทหาร 
    • สนามแข่งม้าขอนแก่น จะถูกบริหารจัดการ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด 
    • สนามแข่งม้าอุดรธานี จะถูกบริหารจัดการ โดยภาคเอกชน 
    • สนามแข่งม้าร้อยเอ็ด จะถูกบริหารจัดการ โดยภาคเอกชน 
    • สนามแข่งม้าเชียงใหม่ จะถูกบริหารจัดการ โดยกลุ่มนายทหาร

โครงสร้างของสนามแข่งม้าในประเทศไทย ถูกเชื่อมโยงกันในทางการเมือง ธุรกิจ และสถานะทางสังคม โดยมีการพนันแข่งม้า และสนามแข่งม้า เป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนกัน ทำให้สนามม้านางเลิ้ง กลายเป็นศูนย์กลางของอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมถึงศูนย์กลางการเชื่อมโยงของสนามแข่งม้าทั้ง 7 แห่งเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย ซึ่งวงการการพนันแข่งม้า ถือเป็นกิจกรรมที่ถูกเจาะจงเป็นกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มพ่อค้า กลุ่มนักธุรกิจ เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ และเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจของตัวเองให้สูงขึ้น รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หรือผลตอบแทนนั่นเอง

วงเงินการพนันแข่งม้าในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ส่วน 

  • ส่วนที่หนึ่ง : การพนันแข่งม้าที่ถูกกฎหมายตามที่ทางสมาคมฯ เป็นผู้กำหนดให้ และถ้ามีรายได้จากการเล่นการพนันจะต้องเสียภาษีในอัตราที่ทางราชการกำหนด และ
  • ส่วนที่สอง : การพนันแข่งม้าที่ผิดกฎหมายแบบลักลอบเล่นกัน โดยไม่ผ่านทางสมาคมฯ ที่เป็นผู้กำหนดให้  ซึ่งถือว่าเป็นการเล่นพนันผิดกฎหมาย

การพนันแข่งม้าที่ถูกกฎหมาย ตามที่ทางสมาคมฯ เป็นผู้กำหนด โดยกรุงเทพฯ มีผู้คนเข้าไปในสนามแข่งม้าเฉลี่ย 9,000 – 15,000 คนต่อรอบ แต่ละรอบ จะมีเงินการพนันแข่งม้าหมุนเวียนถึง 80 – 100 ล้านบาท ซึ่งใน 1 ปีมีการแข่งม้า 48 รอบ จะทำให้มีเงินการพนันแข่งม้าหมุนเวียนประมาณ 3,800 – 4,800 ล้านบาทต่อปี และในสนามแข่งม้าของต่างจังหวัด มีผู้คนเข้าไปในสนามแข่งม้าเฉลี่ย 1,500 – 2,000 คนต่อรอบ แต่ละรอบ จะมีเงินการพนันแข่งม้าในต่างจังหวัด 5 สนาม ที่มีเงินหมุนเวียนถึง 5 – 10 ล้านบาท ซึ่งใน 1 ปี สนามแข่งม้าของต่างจังหวัดมีการแข่งม้า 60 รอบ จะทำให้มีเงินการพนันแข่งม้าหมุนเวียนประมาณ 1,500 – 3,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนการพนันแข่งม้าที่ผิดกฎหมาย โดยไม่ผ่านทางสมาคมฯ ที่เป็นผู้กำหนดให้ โดยมีวงเงินการพนันแข่งม้าหมุนเวียนทั้งประเทศ อยู่ที่ 5,300 – 7,800 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น การพนันแข่งม้าในประเทศที่มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินการพนันแข่งม้านี้ เป็นการพนันนอกระบบ หรือการการพนันแข่งม้าที่ผิดกฎหมาย การพนันแข่งม้าสำหรับประเทศไทย ที่มีลักษณะผูกขาดคล้าย ๆ กับสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่การพนันแข่งม้า กลับเข้าถึงได้ยากกว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะอัตราการเสียภาษีของการจัดแข่งม้าค่อนข้างสูง และซํ้าซ้อน  อีกทั้งยังมีกฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ช่องทางในการพนันแข่งม้าแบบผิดกฎหมาย เกิดขึ้นจากกลุ่มภายในของผู้มีอำนาจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสนามแข่งม้านั่นเอง