ติดต่อเรา
โปรโมชั่น
เข้าสู่ระบบ
สมัคร
สมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
SMS OTP ยืนยัน
กรอกรหัสผ่านใหม่ของคุณ
คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ?
หรือ
Term and condition
สมัครสมาชิก
เมื่อพูดถึงเรื่องกระดาษและการเผยแพร่ของ ไพ่ กันไปแล้ว เรามาต่อกันด้วยเรื่องลวดลายบนไพ่ทั้ง 52 ใบกัน มีจุดกำเนิดมาจากไหน ทำไมไพ่บางใบมีสัญลักษณ์ รูปวาด และลวดลายแตกต่างออกไปจากไพ่ใบอื่น ๆ บนมือ
ไพ่นั้นมีต้นกำเนิดอันยาวนานมาตั้งแต่สมัยคริสตกาล แต่ถึงแม้จะมีประวัติการเล่นไพ่มาอย่างยาวนานแล้วก็ตาม ความจริงลักษณะ ลวดลาย และจำนวนไพ่ 52 ใบนั้นเพิ่งจะเริ่มคิดค้นมาได้แค่ประมาน 500 กว่าปีเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการออกแบบไพ่ต่างกันไปตามแต่ละประเทศแบบทางใครทางมัน จำนวนของไพ่เองก็เช่นกัน จนมีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้ออกแบบไพ่ให้มี 52 ใบ มีรูปแบบ 4 ชุด ชุดละ 13 ใบ
แต่ละประเทศที่รับวัฒนธรรมการเล่นไพ่เข้ามา ต่างประเทศก็ต่างออกแบบไพ่ให้เป็นลักษณะของตัวเองกันไป เป็นต้นว่า เยอรมันจะใช้ดอกหน้าไพ่เป็นระฆัง หัวใจ ใบไม้ และผลโอ๊ก ส่วนของสเปนก็เป็นเหรียญ ถ้วย ตะบอง และดาบ แตกต่างกันออกไป จนกระทั่งฝรั่งเศสที่ได้นำของเยอรมันมาปรับแต่งใหม่แล้วออกแบบมาเป็นดอกทั้ง 4 ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบันนั่นคือ ดอกจิก โพธิ์แดง โพธิ์ดำ และข้าวหลามตัด
ซึ่งต่อมาฝรั่งเศสนำดอกทั้งสี่นี้มาทำเป็นแม่พิมพ์ที่ผลิตง่ายกว่าแบบของประเทศอื่น และด้วยความที่ผลิตไพ่ได้ง่าย ผลิตได้มาก ก็แลยมีการใช้ไพ่ของฝรั่งเศสกันเป็นวงกว้าง คนก็นิยมเล่นไพ่ของฝรั่งเศสจนทำให้ต่อมาสำรับรูปแบบนี้จึงกลายเป็นดีไซน์สากลไป
นักวิชาการชาวฝรั่งเศสเคยได้ตีความหมายของไพ่ตามหลักชนชั้นได้ว่า
แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าความหมายบนไพ่จะมีความหมายซับซ้อนถึงขนาดนั้นจริงหรือไม่
ไพ่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมมาตรและสมดุลในอีกแง่หนึ่ง เนื่องจากไพ่แต่ละใบนั้นจะออกแบบมาโดยยึดผู้เล่นเป็นสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากการออกแบบไพ่ที่ไม่ว่าจะหันขึ้นหรือลง ทิศทางใด ผู้เล่นก็จะเห็นสัญลักษณ์ได้อย่างไม่ต้องเสียเวลาพลิกหาหัวหางให้เสียเวลา กระทั่งไพ่คิง แจ็ค แหม่มที่เป็นรูปบุคคลยังทำเป็นครึ่งท่อนบนแล้วทำให้อีกครั้งเป็นภาพสะท้อนแทน ทำให้ง่ายอย่างมากในการดูหน้าไพ่
อีกทั้งช่วงปี 1875 อเมริกากำลังนิยมการเล่นไพ่ แต่ยังไม่มีตัวบอกจำนวนแต้มบนไพ่อย่างทุกวันนี้ ใครบางคนอาจจะคิดว่าเวลาเล่นไพ่ต้องคลี่ไพ่แล้วมานั่งนับดอกกันทีละใบมันเสียเวลาอีกทั้งยุ่งยาก จึงได้ออกแบบให้มีแต้มและสัญลักษณ์ดอกเอาไว้ที่ขอบไพ่ เพื่อให้ดูแต้มบนไพ่ในมือตัวเองอย่างง่ายดายเพียงแค่คลี่ไพ่ให้เห็นขอบเท่านั้นเอง
ต่อจากสัญลักษณ์และแต้มบนหน้าไพ่แล้ว ก็มีรูปวาดทั้งสามที่เรารู้จักดีในฐานะ คิง แจ็ค และแหม่ม แต่ในสมัยก่อนรูปวาดเหล่านี้ได้มีอยู่ 4 ไม่ใช่สาม นั่นคือ พระราชา (King) ราชินี (Queen) อัศวิน (Knight) และคนโกง (Knave) แต่ในภายหลังคนโกงก็ได้หายไป แล้วเหลือเพียงแค่สามเท่านั้น
ในเวลาต่อมาอาจจะเพราะคนเขียนแต้มที่ข้างไพ่นึกได้ว่าตัวย่อของคิงกับอัศวินมันเป็น K เหมือนกันนี่นะ อาจทำให้เกิดความสับสน จึงได้เปลี่ยนอัศวินจาก Knight เป็น Jack แทน
นอกจากนี้ตอนที่ชาวฝรั่งเศสกำลังเฟื่องฟู ช่างทำไพ่บางคนได้เริ่มวาดแทนตัวของคิง แจ็ค แหม่มด้วยบุคคลต่าง ๆ ที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และในตำนานต่าง ๆ หรือถึงขนาดที่ว่าใส่ชื่อลงไปด้วยอย่างชัดเจน โดยชื่อที่ปรากฏได้บ่อยก็คือ กษัตริย์เดวิดมหาราช อเล็กซานเดอร์มหาราช กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 1 และจูเลียส ซีซาร์ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาจะให้ความหมายอะไรที่ลึกซึ้งเป็นพิเศษ
หลังจากช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ที่กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อังตัวแนตอันโด่งดังได้ถูกประหารด้วยกิโยติน สัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ของฝรั่งเศสก็ได้จางหายไป ช่างทำไพ่เลิกใส่ชื่อลงไปในงาน และบางคนก็เปลี่ยนจากคิง แจ็ค และแหม่ม ไปเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ
แต่ว่าไพ่บางใบเองก็มีความพิเศษในตัวของมันอยู่ ไม่ว่าจะในแง่ของการใช้งานหรือรูปวาดที่ปรากฏอยู่บนนั้น แล้วมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า ถึงได้แตกต่างออกไปจากไพ่ใบอื่น ๆ อย่างนั้น
ไพ่ A หรือไพ่เอซ ซึ่งจะเป็นรูปโพธิ์ดำเต็มแผ่น ต่างกับไพ่เอซของดอกอื่น ๆ ที่ทำแค่รูปสัญลักษณ์ดอกอันเล็ก ๆ ตรงกลางแผ่นเพื่อแค่ให้รู้ว่าเป็นเอซ หรือแต้มบนไพ่ที่มีแค่ 1
เหตุเกิดมาจากช่วงกษัตริย์เจมที่ 1 แห่งอังกฤษได้ครองราชย์ในช่วงปีศตวรรษที่ 17 แล้วได้ออกกฎหมายว่าไพ่ทุกสำรับต้องจ่ายภาษีทุกครั้งที่ออกมาจากโรงพิมพ์แล้ว และมีเจ้าหน้าที่ปั๊มตรารับรองว่าไพ่จากโรงงานดังกล่าวได้ทำการเสียภาษีแล้ว และส่วนใหญ่จะปั๊มกันที่เอซโพธิ์ดำเนื่องจากมีพื้นที่ขาวว่างเยอะดี และมักเรียงเอาไว้ที่หน้าแรกของสำรับเสมอ
ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีการพิมพ์เริ่มดีขึ้นมาในระดับนึงก็มีการให้จัดพิมพ์หน้าเอซโพธิ์ดำให้มีตราประทับของราชวงศ์ตั้งแต่แรกไปเลย เพื่อลดทอนทรัพยากรและเวลาในการปั๊มไพ่ทีละสำรับจากโรงพิมพ์ ต่อมาเมื่อกฎหมายข้อนี้ได้หายไป โรงงานทำไพ่ส่วนใหญ่จึงยังคงจัดทำเอซโพธิ์ดำให้มีลวดลายอยู่ แต่เปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ที่ออกแบบกันเองหรือตราจากโรงงาน เพื่อบ่งบอกว่านี่คือไพ่จากโรงงานไหน และลวดลายบนไพ่เอซโพธิ์ดำจึงกลายเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันจนเป็นปกติในปัจจุบัน
ไพ่ Joker หรือโจ๊กเกอร์ได้ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งในช่วงปี 1860 ในอเมริกา โดยในสมัยนั้นอเมริกาได้รับอิทธิพลของเกมไพ่ยูเคอร์มาจากเยอรมัน และเปลี่ยนแปลงด้วยการเพิ่มไพ่พิเศษเข้าไป ซึ่งไพ่ใบนั้นจะมีสถานะเป็นแต้มสูงสุดของเกมนั้น ๆ
ตอนนั้นได้เรียกไพ่ใบนี้ว่า Juker แล้วก็พัฒนามาเป็น Joker ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบันนนี้ โดยรูปลักษณ์จากอดีตจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกเสียจากการออกแบบของโรงงานจัดพิมพ์ไพ่ สมัยนั้นมักจะทำเป็นรูปตัวตลก 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นสีขาวดำ อีกใบมีสีสันสวยงาม แต่ในช่วงแรกก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่ไพ่ที่ให้แต้มสูงสุดในตอนนั้นจะใช้ไพ่เต๊ะแทน
แต่ก็มีบ้างที่อ้างว่าไพ่ Joker คือการพัฒนาของไพ่คนโกง (Knave) ที่หายไปจากประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง และในปัจจุบันนี้ก็เริ่มมีการประยุกต์ใช้ไพ่โจ๊กเกอร์มากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะให้แต้มสูงสุด แต้ม 0 หรือไพ่แย่
ก็ผ่านมาอย่างยาวนานสำหรับประวัติศาสตร์ของลวดลายบนไพ่ ซึ่งคนในสมัยก่อนกว่าจะมีการจัดตั้งโรงพิมพ์ถึงกับมีอาชีพเป็นช่างทำไพ่วาดลวดลายลงบนไพ่กระดาษทีละแผ่น ๆ อีกทั้งกว่าจะทำให้มีแม่พิมพ์ได้อีก ดีแล้วที่ในปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ก็ได้พัฒนาไปเรื่อย ๆ ทำให้มีโรงงานจัดพิมพ์ไพ่เป็นชุด ๆ ออกมาได้อย่างง่ายดายไม่ต้องเสียเวลาอะไรมาก
นอกจากนี้แล้วไพ่ยังเริ่มมาไกลกว่าสิ่งที่เรียกว่าอุตสาหกรรมกระดาษ แล้วหันมาทำไพ่กันในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกันด้วย ประหยัดทรัพยากรกระดาษและหยาดหมึกกันไปอีก โดยเฉพาะเกมไพ่จากค่ายเกม PG SLOT ก็ออกแบบมาได้สวยงามแม้จะเป็นเกมไพ่ออนไลน์ แต่ก็แฝงไปความคลาสสิคของไพ่จากอดีตกาลสู่ปัจจุบัน แล้วยังเล่นได้ง่ายเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแต่เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วกดเข้าเกม เท่านี้ก็เล่นไพ่แบบออนไลน์ได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องไปตามหาบ่อนคาสิโนที่ไหนไกลเลย