ติดต่อเรา
โปรโมชั่น
เข้าสู่ระบบ
สมัคร
สมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
SMS OTP ยืนยัน
กรอกรหัสผ่านใหม่ของคุณ
คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ?
หรือ
Term and condition
สมัครสมาชิก
คาดว่าใครหลายคนก็คงต้องเคยผ่านตาและได้ยินเกี่ยวกับสนามม้านางเลิ้งกันมาบ้างแล้ว สนามม้าที่จะถูกปิดตัวลงหลังจากผ่านมานับ 102 ปี เนื่องจากประสบเหตุซบเซาจนทุนหายกำไรหด ผู้คนเข้ามาสนามม้าและ แทงม้า กันน้อยลงอย่างมาก
สนามม้า หรือชื่ออลังการงานสร้างอย่างเป็นทางการว่า “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” ที่แปลได้ใจความว่าสนามม้าของพระราชานั่นเอง เนื่องจากผู้ริเริ่มครั้งแรกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือองค์รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จกลับมาจากการดูงานที่ยุโรปในปี พ.ศ. 2440 เห็นว่าของฝรั่งนั้นเขามีสนามไว้สำหรับแข่งม้า จึงจัดขึ้นที่ประเทศไทยโดยลองใช้สนามหลวงเป็นครั้งแรก ก่อนจะก่อตั้งสนามราชกรีฑาสโมสรไว้สำหรับแข่งม้าเป็นที่เป็นทางขึ้นมา อีกทั้งยังจัดสมาคมไว้สำหรับดูแล
หลังจากนั้นไม่นานก็มีทั้งสนามฝรั่ง สนามไทย สนามม้านางเลิ้ง และสนามม้าตามภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยจัดตั้งขึ้นตามอย่าง เช่น นครราชสีมา (โคราช) ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุดรธานี เชียงใหม่ หาดใหญ่ เป็นต้น
แน่นอนว่าถ้าหากพูดถึงสนามม้า สิ่งที่คนนึกถึงตามมาคงเป็นการแทงม้าซึ่งทายผลว่าม้าตัวไหนจะวิ่งเข้าเส้นชัย เพราะการพนันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการกีฬามาตลอด นอกเหนือจากนี้เพราะเป็นการกีฬาในราชูปถัมภ์หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แต่รู้ไหมว่าการแทงม้านั้นไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ตามพระราชบัญญัติการพนันประเภทอนุญาตบัญชี ข ลำดับที่ 1 ก็คือ “การเล่นต่าง ๆ ที่ให้สัตว์ต่อสู้หรือแข่งขัน เช่น ชนโค ชนไก่ กัดปลา แข่งม้า ฯลฯ หากไม่ผิดต่อพระราชบัญญัติลำดับที่ 17 แห่งบัญชี ก (ว่าด้วยการทำร้ายทารุณกรรมสัตว์)” หรือก็คือหากไม่มีการพบเห็นว่าผู้เป็นเจ้าของหรือใครคนใดคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์ทำร้ายสัตว์ในความดูแล จะเป็นการแข่งขันพนันขันต่อใด ๆ จะถือว่าชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น
ซึ่งการแทงม้านั้นก็คือรายได้หลักของสนามม้าทุกแห่งบนโลกใบนี้นั่นเอง เพื่อที่จะนำมาจ่ายค่าเช่าที่ดิน ค่าบำรุงดูแลสนาม ค่าตัวจ็อกกี้ ค่าจ้างคนดูแลม้า ฯลฯ ไม่รวมกับค่ารางวัลของผู้ที่ชนะการแทงม้าอีก จะต้องมีการหมุนเวียนของเม็ดเงินจำนวนมหาศาลตลอดเวลาในสนามม้า ไม่อย่างนั้นก็คงจะอยู่ไม่ได้ หากเรียกว่าไม่มีการพนันการกีฬาเองก็อยู่ไม่ได้คงจะไม่ผิดเท่าไรนัก
หากเทียบกับกีฬาประเภทอื่น หรือการพนันประเภทอื่นแล้ว การแทงม้าจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับหนึ่งถึงจะเล่นพนันแล้วได้กำไร ต้องวิเคราะห์ว่าม้าตัวไหนดี ม้าตัวไหนมาแรง จ็อกกี้คนไหนฝีมือดี สนามและสภาพอากาศวันนี้เป็นใจแก่การแข่งม้าแค่ไหน ทำให้ใครหลายคนที่ยังไม่ชำนาญด้านการดูม้าแข่งต้องเสียและขาดทุนจากการแทงม้าอย่างรวดเร็ว จนถอดใจไปในที่สุด
ยุคสมัยนั้นเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนวันที่ผู้บริโภคเข้าหาสินค้านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่สินค้าต่างหากที่ต้องไปเสนอกับผู้บริโภค ไม่ต้องไปจินตนาการที่ไหนไกล สมมุติมีร้านอาหารสองร้าน ร้านหนึ่งรสชาติพอใช้ได้จ้างโฆษณาลงสื่อลงใบปลิวต่าง ๆ ร้านหนึ่งอาหารอร่อยมากแต่ปล่อยให้คนพูดปากต่อปาก ในยุคโซเชียลแบบนี้แน่นอนว่าคนจะต้องลองไปร้านแรกอยู่แล้ว เพราะมีการพูดถึงกันในโลกโซเชียล ไม่ใช่โลกภายนอก
ประเด็นม้าแข่งเองก็เช่นกัน ไม่มีการโฆษณาใด ๆ อาจจะเพราะเนื่องมาจากธุรกิจสีเทาที่ได้รับชื่อว่าเป็นหนึ่งในการพนัน แต่ก็ไม่มีการถ่ายทอดสดลงโทรทัศน์อย่างโจ่งแจ้งเท่ากับกีฬามวยไทย ทำให้สนามม้าเริ่มเหลือแต่เพียงชื่อเท่านั้น มีแค่คนรุ่นก่อน ๆ ที่เล่นมานานยังคงเข้าออกเพื่อแทงม้าอยู่ตามความเคยชินและความผูกพัน
แม้ว่าการแทงม้าจะเป็นการพนันที่ได้รับอนุญาต แต่ไม่มีการสนับสนุน ไม่มีการประชาสัมพันธ์ใด ๆ จากทางการ เหมือนกีฬามวยไทยที่การแข่งแต่ละนัด แต่ละวัน ได้รับการโฆษณาอย่างเต็มที่จนกระทั่งถึงวันแข่งจริงก็ยังมีการถ่ายทอดสด อาจเพราะเป็นกีฬาเอกลักษณ์ของชาติไทยก็เป็นได้ ส่วนกีฬาแข่งม้าได้รับมาจากต่างประเทศอีกที ทั้งที่ม้าแข่งก็เป็นม้าไทย คนขี่ก็คือคนไทย คนดูแลยันเจ้าของสนามก็คือคนไทยแท้ ๆ
เรื่องนี้ต้องพูดถึงหลาย ๆ ปัจจัย ที่นำมาประกอบรวมกันแล้วนำพาไปจนถึงจุดจบ แต่คาดว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คงจะไม่พ้นเรื่องที่ ทางการไม่สนับสนุนสนามม้า การแข่งม้า กีฬาขี่ม้า รวมถึงการแทงม้านั่นเอง เพราะต้องบอกก่อนว่าสนามม้านั้นเสื่อมความนิยมลงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศทางยุโรปหรืออเมริกาก็ยังคงมีสนามม้ากับการแทงม้าแข่งม้ากันเป็นปกติ ดังนั้นไม่น่าจะเกี่ยวกับกระแสนิยมของโลก แต่อยู่ที่ประเทศของเรามากกว่า
ในปัจจุบันสนามม้าในไทยก็ทยอยปิดตัวลงทั้งสนามม้าฝรั่ง สนามม้าไทย สนามม้านางเลิ้ง สนามม้าที่นครราชสีมา และขอนแก่นต่างก็ปิดกิจการกันอย่างถาวร เนื่องจากนักพนันก็มีแต่รุ่นเก่า ๆ ที่ล้มหายตายจากกันไป ไม่มีคนใหม่ ๆ เข้าไปเสริม อัฒจันทร์ชมม้าแข่งที่เคยแน่นขนัดก็เหลือผู้คนเพียงบางตา ขณะที่ในต่างประเทศกีฬาม้าแข่งยังคงมีบรรจุในโอลิมปิกอยู่ทุกปี มีผู้คนตะโกนโหวกเหวกเชียร์ม้าในสนามม้ากันอย่างล้นหลาม
หากใครสนใจก็ลองไปสนามม้าที่ยังคงเปิดสักแห่งดู เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของสนามม้าและการแทงม้าในไทยก่อนที่จะเลือนหายไปจนหมด ซึ่งคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้จะเห็นม้าก็คงเป็นจากในสื่อต่าง ๆ มากกว่าม้าตัวเป็น ๆ เสียแล้วมั้ง