มาต่อกันจากคราวที่แล้ว ซึ่งกล่าวถึงเกมไพ่ยอดนิยมในไทยอย่างป๊อกเด้งและเก้าเกไปแล้ว ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเกมไพ่ในไทยซึ่งอาจเป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่มกันบ้าง

3. ไพ่แคง

            ไพ่แคง มีการคาดเดาว่าอาจจะมีที่มาจากทางภาคใต้ของไทย แล้วแพร่หลายกลายเป็นไพ่พื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่ากับป๊อกเด้งหรือเก้าเก กติกาหลักก็คือต้องให้ไพ่ในมือหมดหรือมีแต้มน้อยที่สุดถึงจะชนะ

วิธีการเล่นไพ่แคง

1. ให้เจ้ามือแจกไพ่รอบวงทั้งหมด 5 ใบ โดยเริ่มจากตนเองก่อน เวียนไปในทิศใดทิศหนึ่ง จากนั้นเจ้ามือจะต้องหยิบไพ่จากกองมาเพิ่ม 1 ใบ

2. ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องทิ้งไพ่อย่างน้อย 1 ใบ มากสุด 4 ใบเมื่อถึงตาของตัวเอง

3. เมื่อไพ่ในมือเราเหลือใบสุดท้าย หรือคิดว่ามีแต้มบนมือน้อยที่สุดให้พูดว่า “แคง” พร้อมกับเปิดไพ่ในมือ และทุกคนต้องเปิดไพ่ ใครในวงที่มีแต้มน้อยสุดจะถือว่าชนะ

4. หากไม่มีกล่าวว่า “แคง” แต่ไพ่หมดกองกลางแล้ว คนสุ่มไพ่ใบสุดท้ายจะต้องทิ้งไพ่ในมือ และทุกคนต้องเปิดไพ่ ใครในวงที่มีน้แต้มอยสุดจะถือว่าชนะ

วิธีการชนะไพ่แคง

1. ถ้าทิ้งไพ่ไปเรื่อย ๆ จนหมดมือจะชนะทันที โดยจะเรียงลำดับแต้มไพ่ดังนี้ A 2 3 4 5 6 7 8 9 10 จากน้อยไปมากตามนี้ โดยไพ่ 10  J Q K ถือเป็น 10 ซึ่งในแต่ละตาสามารถทิ้งไพ่ได้ 1 – 4 ใบ ตามหลักเกณฑ์คือ

• ไพ่ในมือมีตัวเลขหรือหน้าไพ่เหมือนกันมากกว่า 1 เช่นในมือมี K 2 ใบ ก็สามารถทิ้งได้ 2 ใบ มี K 3 ใบก็ทิ้งได้ทั้ง 3 ใบ มี 4 ใบก็ทิ้งได้ 4 ใบ

2. หากมั่นใจว่าไพ่บนมือแต้มน้อยที่สุด (เหลือใบเดียวหรือกี่ใบก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่ถ้าจะให้มั่นใจจริง ๆ ก็คือเหลือ 1 ใบนั่นเอง) ให้กล่าวว่า “แคง” ในกรณีที่มีคนแต้มเท่ากันจะถือว่าเราชนะเพราะพูดก่อน

• ในกรณีที่กล่าวว่าแคงแล้วพบว่าในวงมีคนแต้มมากกว่า จะถือว่าคนกล่าวแพ้ไปทันที และจะถูกเรียกกรณีแบบนี้ว่าแคงล่มหรือเรือล่ม 

กรณีการจ่ายไหล

ไพ่แคงนั้นจะค่อนข้างพิเศษตรงที่การจ่ายไหล หรือจะเรียกว่าเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือเมื่อเราทิ้งไพ่ในมือแล้วคนถัดมีไพ่บนมือเป็นแต้มเดียวกันหน้าเดียวกัน จะต้องจ่ายเดิมพันให้คนถัดไปทันที และคนถัดไปก็ไม่จำเป็นต้องหยิบไพ่จากกองกลางอีกแล้วทิ้งไพ่ได้เลย ซึ่งคนถัดมีไพ่เหมือนกันกี่ใบก็ต้องจ่ายเดิมพันตามนั้น มี 2 ใบ ก็ต้องจ่าย 2 เท่า มี 3 ใบก็ต้องจ่าย 3 เท่า

โดยเฉพาะถ้าคนถัดจากเราได้ทิ้งไพ่จนหมดมือ จะต้องจ่ายเดิมพันถึง 5 เท่ากันเลยทีเดียว การละเล่นจ่ายไหลแบบนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบกินเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงแม้จะไม่ชนะแต่ก็อาจได้เดิมพันจากการจ่ายไหลนั่นเอง

4. ไพ่ดัมมี่

            ไพ่ดัมมี่ ถึงแม้ชื่อจะไม่ค่อยสมเป็นไทย เพราะเข้ามาในระยะหลัง แต่ดัมมี่ก็ไม่ใช่ชื่อแท้จริงอยู่ดี ซึ่งคนไทยได้ดัดแปลงมาจากไพ่รัมมี่ (Rummy) ของต่างประเทศนั่นเอง โดยเกมไพ่ดัมมี่นั้นจะเป็นที่นิยมน้อยกว่าไพ่แคงด้วยกติกาที่ยุ่งยาก และค่อนข้างช้าต่างกับไพ่ป๊อกเด้งที่มีเน้นทำรอบเน้นได้เสียกัน

วิธีการเล่นไพ่ดัมมี่

1. ให้เจ้ามือแจกไพ่รอบวงถ้าหากมีผู้เล่น 2 คนต้องแจกคนละ 11 ใบ หากมีผู้เล่น 3 คนต้องแจกคนละ 9 ใบ หากมีผู้เล่น 4 คนต้องแจกคนละ 7 ใบเท่านั้น

2. เมื่อแจกเสร็จแล้วเจ้ามือต้องเปิดไพ่จากกองจั่วใบบนสุดแล้ววางเป็นกองกลางสำหรับทิ้งไพ่

3. ผู้เล่นจะต้องพยายามจัดไพ่ในมือให้เป็นไพ่ตองหรือไพ่สี่ก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมี 3 ใบ โดยจะเป็นเลขเหมือนกัน หน้าเหมือนกัน หรือไพ่เรียงดอกเดียวกันก็ได้

4. หากไม่ต้องการไพ่ใบไหนให้ทิ้งใส่กองกลางครั้งละ 1 ใบ จากนั้นจึงจั่วจากกองจั่ว แต่ก็สามารถหยิบจากกองกลางใน หากเป็นไพ่ใบสุดท้ายของชุดพอดี

5. ใครจัดไพ่ได้ครบชุดก่อนจะถือว่าชนะ แต่ถ้าหากไพ่หมดกองจั่วแล้วยังไม่มีใครจัดชุดได้ให้ถือว่าจบเกมแล้วนับแต้มแทน

วิธีการชนะไพ่ดัมมี่

1. ถ้าจัดไพ่ได้ครบชุดก่อน จะชนะไปทันที

2. หากไพ่หมดกองจั่วแล้วยังไม่มีใครจัดชุดได้ให้จบเกมแล้วนับแต้มแทน โดยจะเรียงลำดับแต้มไพ่ดังนี้ 2 3 4 5 6 7 8 9 10 J Q K A

ข้อควรระวัง

สำหรับเกมไพ่ดัมมี่นั้นถ้าหากทิ้งไพ่ลงกองกลาง แล้วมีผู้เล่นถัดไปเก็บไพ่นั้นขึ้นมาจัดชุดได้จะถูกเรียกว่าทิ้งโง่ จะต้องจ่ายเดิมพันหรือเสียแต้ม คล้ายกับกรณีไหลของไพ่แคง

             ถึงแม้ว่าในตอนนี้ประเทศไทยจะยังไม่สนับสนุนให้เล่นเกมไพ่ด้วยการวางเดิมพันเป็นเงินสด แต่ผู้คนที่ชื่นชอบเล่นการพนันก็ยังคงเล่นเกมเหล่านั้นด้วยการใช้อย่างอื่นพนันกันอยู่ดี และขนาดบ่อนคาสิโนในประเทศไทยยังไม่ได้รับการยอมรับ คนไทยก็ยังคงชื่นชอบการพนันอยู่ดี หรือควรกล่าวว่าผู้คนโดยปกติก็มีความชมชอบในการพนันกันอยู่แล้วแตกต่างกันเพียงแค่ประเทศนั้น ๆ สนับสนุนมากหรือน้อยเท่านั้นเอง